ฝาหลังแบบ Gollira Glass มีคุณสมบัติที่สามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้
กรอบล้อมรอบตัวเครื่องแบบ Stainless Steel ช่วยเพิ่มความแข็งแรง และใช้งานเป็นเสารับสัญญาณในตัว
กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้าน Pixels - ความละเอียดสูงสุดของภาพถ่าย 2592x1944 Pixels - เซนเซอร์รับภาพแบบ Backside Illuminated Sensor - ไฟแฟลชในตัว (LED Flash) - ซูมภาพแบบดิจิตอลได้ 5 ระดับ (Digital Zoom) - ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ (Auto Focus) - ระบบเลือกจุดโฟกัสภาพด้วยการสัมผัส (Touch Focus) - ถ่ายภาพวิดีโอ (720p : WXGA : 1280x720 Pixels : 30 fps) - ไฟให้แสงสว่างสำหรับการถ่ายภาพวิดีโอ (LED Video Light) - ฟังก์ชัน Geotagging รองรับการแนบข้อมูลพิกัดตำแหน่งบนพื้นโลกไปกับรูปถ่าย และวิดีโอ
กล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง - รองรับการใช้งานฟังก์ชัน Video Calling บนระบบเครือข่ายแบบ WiFi (สนทนาพร้อมภาพวิดีโอ)
เกมส์ในเครื่อง - รองรับการควบคุมการเล่นเกมส์ด้วยการเคลื่อนไหว (Motion-Sensitive Gaming)
มี 2 สีมาตรฐานให้เลือก (ดำ และ ขาว)
เปิดตัวครั้งแรก เมื่อ เดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 2010
กำหนดการออกวางจำหน่าย เดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 2010 (สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, อังกฤษ และญี่ปุ่น) - สั่งจองล่วงหน้าได้ในวันที่ 15 มิถุนายน และรับของได้ในวันที่ 24 มิถุนายน - ประเทศอื่นๆ อีก 18 ประเทศ สามารถสั่งจองได้ในเดือนกรกฎาคม และอีก 88 ประเทศทั่วโลก สามารถสั่งจองได้ในเดือนกันยายน
ทั่วไป
สำหรับตัวเครื่อง iPhone 4 ตัวที่ได้จับมาจากอังกฤษซึ่งเป็นเครื่อง Official Unlock คือสามารถนำซิมการ์ดของค่ายมือถือใดก็ได้มาใส่ เท่าที่ได้จับงานประกอบแน่นดี ของในกล่องยังคงคล้าย ๆ เดิม ด้านความเร็ว iPhone 4 เร็วขึ้นกว่า iPhone 3GS แบบรู้สึกได้ โดยความเร็วให้นึกง่าย ๆ เหมือนตอน iPhone 3G แล้วเปลี่ยนมาเป็น iPhone 3GS ยังไงยังงั้น คือเร็วขึ้นแบบกดปุ๊บมาปั๊บ การใช้านทั่วไปใน iOS 4 ของ iPhone 4 ตอนนี้ถ้าไม่นับเรื่องความเร็วในการใช้งานก็ไม่ต่างจาก iPhone 3GS สักเท่าไหร่ สำหรับความหนาของ iPhone 4 จะพอ ๆ กับขอบตัวเครื่องพลาสติกสีขาว(ดำ) ของ iPhone 3GS
กล้อง
การใช้งานกล้องหลัก ๆ ก็ยังเหมือนเดิม คือเปิดมารอประมาณ 1 วินาทีก็เข้ากล้องพร้อมถ่ายรูปทันที การเปิดใช้งานแฟลชเพื่อช่วยในการถ่ายรูปสามารถเลือกได้ 3 แบบคือ Off/On/Auto ซึ่งแสงจะวาบแค่ตอนกดถ่ายรูปเท่านั้น การสลับกล่้องหลังกับกล้องหน้ากดปุ๊บก็แทบจะสลับปั๊บสามารถสลับไป ๆ มา ๆ ได้เรื่อย ๆ ไม่หน่วงแต่อย่างใด สำหรับเรื่องการถ่ายวิดีโอสามารถเปิดแสงเพื่อช่วยถ่ายในที่มืดได้ ซึ่งตัวไฟจะติดขึ้นมาตลอดตั้งแต่เลือกเปิด (On) สำหรับเรื่อง FaceTime อยากทดลองมาก แต่ไม่รู้จะลองกับใครที่ไหน เพราะรอบตัวผมเองยังไม่มีใครใช้ iPhone 4 ก็เลยขอติดค้างเรื่องนี้ไว้ก่อน
ส่วนที่เห็นในรูป (หลังจากใส่ซิมของทีโอที) ที่มี SMS ขึ้นว่า “Your Carrier may charge for SMS message used to activate video calling” จากข้อความนี้ยังไม่รู้ว่าแอปเปิ้ลจะเปิดให้ iPhone 4 สามารถใช้งาน Video Call กับโทรศัพท์อื่น ๆ ได้หรือไม่ เรื่องนี้คงต้องติดตามดูกันต่อไป
เสียงจากลำโพง
เท่าที่เปิดเสียงริงโทนในเครื่องเทียบกับ iPhone 3GS ความดังของลำโพงจาก iPhone 4 ดังกว่าเดิมนิดหน่อย ราว ๆ 10 เปอร์เซ็นต์
หน้าจอแสดงผล
ความชัดของจอ Retina Display สิบรูปถ่ายไม่เท่าตาเห็นครับ ชัด(เวอร์)มาก คือไม่ต้องจ้องแบบเพ่งก็เห็นความแตกต่างแล้วว่า iPhone 4 ชัดกว่า ซึ่งก่อนหน้าได้ผมเชื่อว่าเราคงได้เห็นภาพเปรียบเทียบหน้าจอระหว่าง iPhone 4 กับ iPhone 3GS กันมาบ้างแล้ว โดยภาพจากบางเว็บใช้กล้องระดับเทพในการถ่ายรูป (5D mk II) ซึ่งคิดเองว่ากล้องถ่ายรูปน่าจะมีส่วนช่วยให้รูปชัดกริ๊บขนาดนั้น ทำให้ผมยังไม่ปักใจเชื่อว่าหน้าจอจะแตกต่างกันเยอะขนาดนั้น แต่พอได้เห็นกับตาตัวเองเห็นชัดเจนมากว่าแตกต่างกัน จากที่เราใช้งานกับ iPhone 3GS เวลาอ่านหรือดูรูปก็ชัดเจนปกติดีอยู่แล้ว แต่พอนำมาเปรียบเทียบกับจอของ iPhone 4 แล้ว จอของ iPhone 3GS ดูเหมือนจะเบลอ ๆ ไปในทันที
สำหรับตัวหนังสือ ‘คมมาก’ ชนิดที่เรียกว่าแทบจะไม่ต่างจากที่เห็นในนิตรสารแฟชั่นทั่วไปที่พิมพ์ความ ละเอียดที่ 300 dpi ซึ่งผมเองก็ทำแบบเดียวกับหลาย ๆ เว็บในตอนนี้คือถ่ายรูปหน้าจอ iPhone 4 เทียบกับ iPhone 3GS มาให้ชมกันครับ ส่วนการเทียบจอ iPhone 4 (Retina Display) กับ Samsung Galaxy S (Super AMOLED) เอาว่า Super AMOLED ที่เห็นว่าชัด,นิ่ง,ใสแค่ไหน จอ Retina Display เป็นขั้นกว่าของ Super AMOLED ครับ
สัญญาณโทรศัพท์
ที่เห็นจากเว็บต่างประเทศหลาย ๆ เว็บที่ลงข่าวว่าเวลาจับเครื่องถือมือซ้ายแล้วสัญญาณโทรศัพท์หายนั้น วันนี้ได้ลองเองแล้วครับ ผลปรากฏว่าไม่ว่าจะจับถือหรือกำมิดรอบด้านยังไงสัญญาณก็ไม่หายเหมือนที่เป็น ข่าวอยู่ในขณะนี้ ซึ่งคงเป็นโชคดีที่ iPhone 4 เครื่องนี้ไม่พบอาการผิดปกติ
ถามว่าประทับใจหรือไม่กับ iPhone 4 กับการใช้อยู่ในเวลาไม่นานมากนัก ก็ชอบครับโดยเฉพาะเรื่องหน้าจอที่แสดงผลที่ชัด(เวอร์)มาก ส่วนถ้าจะให้ถึงขั้นปลื้มคงต้องทดสอบใช้งานจริง ๆ จัง ๆ ก่อนครับถึงจะตอบได้ว่า iPhone 4 ดีกว่าเดิมมากน้อยแค่ไหน เพราะหลายอย่างผมยังไม่ได้ลองใช้งานจริง ๆ จัง ๆ ไม่ว่าจะเป็น FaceTime, การถ่ายรูปนิ่งจริง ๆ จัง ๆ , การถ่ายวิดีโอแบบ HD+iMovie โดย 3เรื่องนี้ถือเป็นฟีเจอร์หลัก ๆ ที่หลายคนอยากจะทราบข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ iPhone 4
|